หน่วยที่ใช้ในการวัดแสงสว่าง

      > ความสว่าง
         [ หน่วย SI : ลักซ์ (Lux) ]
      หมายถึง ปริมาณแสงที่กระทบลงบนวัตถุต่อพื้นที่มีหน่วยเป็น "ลูเมนต่อตารางเมตร" หรือลักซ์ (ถ้าหน่วยเป็นลูเมนต่อตารางฟุต ความส่องสว่างก็เป็นฟุตแคนเดิล) สำหรับค่าความสว่าง ปกติเราจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า "ลักซ์มิเตอร์" เป็นเครื่องมือวัดค่าความสว่างของโคมไฟนั้น ตัวอย่างเช่น หากเราใช้ลักซ์มิเตอร์วัดความสว่างถนน โดยวัดจากจุดกึ่งกลางของโคมไฟถนนจนถึงระนาบพื้นถนน สมมติว่าได้ค่าความสว่างเท่ากับ 40 ลักซ์ ซึ่งค่าความสว่างที่ได้นี้มักนำไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานความสว่างที่กำหนดโดยหน่วยงานต่าง ๆ ว่า มีความสว่างเหมาะสมกับพื้นที่และกิจกรรมในพื้นที่เหล่านั้นหรือไม่ หากได้ค่าไฟที่ต่ำว่ามาตรฐาน วิธีแก้ไขคือ การเพิ่มกำลังของหลอดไฟให้สูงขึ้นหรือเพิ่มจำนวนโคมไฟให้มีความถี่มากขึ้น

      > ปริมาณแสง
         [ หน่วย SI : ลูเมน (Lumen) ]
       ทางวิศวกรรมเรียกว่าฟลักซ์ส่องสว่าง คือหน่วยการวัดปริมาณแสงที่นิยมใช้ในงานวิศวกรรม เป็นการวัดในรูปของเส้นแรงของแสง โดยการบอกค่าปริมาณแสงที่ออกมาจากหลอดใด ๆ มีหน่วยเป็น "ลูเมน" เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์สี Cool White 4000K 36Watt 1 หลอด มีค่าปริมาณแสงประมาณ 3,000 ลูเมน ดูง่าย ๆ ก็คือ หากหลอดไฟมีจำนวนลูเมนสูง ก็จะให้ความสว่างสูงเช่นกัน

      > ความเข้มข้นของการส่องสว่าง
         [หน่วย SI : แคนเดลา (Candela)]
       อาจเรียกว่ากำลังส่องสว่าง โดยวัดเป็น "แรงเทียน" ( Candlepower ) สามารถวัดค่าได้ตามความมากน้อยของพลังงานที่ออกมาจากแหล่งกำเนิดแสงสว่างโดยกำลังการส่องสว่างหรือความเข้มข้นของการส่องสว่าง 1 แคนเดลาเทียบเท่ากับ 1 แรงเทียน หากหลอดไฟมีค่าความเข้มของการส่องสว่างมากก็แปลว่าหลอดนั้นจะให้ความสว่างมากนั่นเอง

      >กำลังไฟฟ้า
         [หน่วย SI : วัตต์ (Watt) ]
       คือ อัตรการกินไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ซึ่งในที่นี้ก็คือหลอดไฟและอุปกรณ์โคมจำพวกบัลลาสต์หรือทรานฟอร์เมอร์ สังเกตุง่าย ๆ ว่า ถ้าจำนวนวัตต์สูง แปลว่าโคมไฟนั้นจะกินไฟมากและหมายถึงค่าไฟที่เราต้องจ่ายมากขึ้นอีกด้วย

      >อุณหภูมิแสง
         [หน่วย SI : เคลวิน (Kelvin)]
       หลอดไฟแต่ละยี่ห้อจะเรียกสีของแสงแตกต่างกันไปอุณหภูมิแสงที่ปรากฎเป็นตัวเลขอยู่บนกล่องจะบอกเราได้ดีที่สุดว่าหลอดไฟหลอดนี้ให้สีอะไร ปกติหลอดไฟที่นิยมใช้กับการตกแต่งสวนตามท้องตลาดทั่วไปจะมีอุณหภูมิสีของแสงดังนี้
         - อุณหภูมิแสง 2700K และ 3000K หรือที่เราเรียกว่า" สีวอร์มไวท์ (Warm White)" สีของแสงจะออกไปโทนส้มเหลือง ให้ความรู้สึกอบอุ่น โดยอุณหภูมิแสง 2700K จะให้แสงสีเหลืองมากกว่า 3000K ปกติเราจะใช้สีวอร์มไวท์กับต้นไม้ที่มีลำต้นหรือใบโทนสีน้ำตาล แดง เหลือง เพื่อความสมจริง
         - อุณหภูมิแสง 4000K เรียกว่า "สีคูลไวท์ (Cool White)" สีของแสงจะออกไปทางสีเหลืองค่อนข้างขาว เหมาะกับต้นไม้ที่มีลำต้นหรือใบในโทนสีเขียว
         - อุณหภูมิแสง 6500K เรียกว่า "สีเดย์ไลท์ (Daylight)" สีของแสงจะออกไปทางสีขาวอมฟ้าส่วนใหญ่มักจะใช้เป็นอุณหภูมิสีของไฟในสระว่ายน้ำช่วยขับสีกระเบื้องสระว่ายน้ำส่วนใหญ่มักปูเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

	RaweeLighting - โรงงานผู้ผลิตหลอดและโคมไฟแอลอีดี